กรุงเทพฯ – ปี 2025 กำลังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโลกการทำงาน เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม ทั้งในระดับโลกและประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นภาพชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น

AI ในสถานที่ทำงาน: สถิติที่น่าสนใจ

เกือบทุกบริษัทลงทุนใน AI แต่เพียง 1% เท่านั้นที่เชื่อว่าตนเองมีความพร้อมในระดับที่สมบูรณ์ ตามรายงานของ McKinsey ปี 2025 ขณะที่ 78% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าองค์กรของพวกเขาใช้ AI ในฟังก์ชันทางธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งด้าน เพิ่มขึ้นจาก 72% ในต้นปี 2024 และ 55% เมื่อปีก่อน

การเปลี่ยนแปลงนี้มีความชัดเจนมากในฝั่งการใช้งาน โดย หากปี 2023 เป็นปีของการทดลองใช้ AI และปี 2024 เป็นปีของการนำ AI มาใช้งาน ปี 2025 จะเป็นปีที่บริษัทต่างๆ เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงในระดับฟังก์ชันการทำงานร่วมกับ AI ที่อาจรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

สถานการณ์ในประเทศไทย: ผู้นำด้านการใช้ AI

ประเทศไทยกำลังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้ AI สูงที่สุด โดย 92% ของพนักงานความรู้ในประเทศไทยใช้ AI ในการทำงาน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 75% อย่างมีนัยสำคัญ และ 48% ของคนงานไทยใช้ Generative AI รายเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอยู่ 4%

การใช้ AI ในประเทศไทยมีลักษณะเฉพาะคือ 81% ของผู้ใช้เลือกใช้เครื่องมือ AI ตามความต้องการของตนเอง ส่งผลให้เกิดแนวโน้ม “Bring Your Own AI” ซึ่งอาจทำให้บริษัทต่างๆ พลาดโอกาสในการควบคุมการใช้งาน

ผลกระทบต่อตลาดแรงงาน: ทำลายและสร้างงานใหม่

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมาก โดยมีการคาดการณ์ที่น่าสนใจ:

การสร้างงานใหม่มากกว่าการทำลาย

ภายในปี 2025 AI อาจจะกำจัดงาน 85 ล้านตำแหน่ง แต่จะสร้างงานใหม่ 97 ล้านตำแหน่ง ส่งผลให้มีงานใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 12 ล้านตำแหน่ง

ในระยะยาว แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ 92 ล้านตำแหน่งงานที่คาดว่าจะหายไปภายในปี 2030 ผู้นำควรวางแผนสำหรับ 170 ล้านตำแหน่งงานใหม่ที่คาดการณ์ไว้และทักษะใหม่ที่จะต้องการ

การลงทุนใน AI เพิ่มขึ้น

63% ขององค์กรทั่วโลกตั้งใจจะนำ AI มาใช้ในสามปีข้างหน้า และขนาดตลาด AI คาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 120% ในแต่ละปี

ความกังวลของคนงานอเมริกัน

แม้ว่าข้อมูลจะชี้ให้เห็นถึงโอกาสใหม่ แต่ คนงานอเมริกันมีความรู้สึกผสมผสานเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยี AI เช่น ChatGPT ที่จะมีต่องานในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการปรับตัวและการเตรียมความพร้อมของแรงงาน

แนวโน้มการใช้ AI ในปี 2025

1. AI Agents – เทรนด์ใหม่ที่ฮอตที่สุด

เทรนด์ที่ร้อนแรงที่สุดใน AI ในขณะนี้คือ “agents” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันช่วยเหลือแบบโต้ตอบที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบมัลติโมดัล

2. การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

ผู้ที่ยอมรับศักยภาพของ AI ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะได้รับประโยชน์จากความเร็วในการออกสู่ตลาดที่เร็วขึ้น ต้นทุนที่ลดลง และการปรับแต่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น

3. การใช้งานในหลายฟังก์ชัน

ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รายงานว่าใช้เทคโนโลยีนี้ในฟังก์ชัน IT และการตลาดและการขาย

ตลาดงาน AI ในประเทศไทย

ตลาดงาน AI ในประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีการเปิดรับสมัครงานในสาขาต่างๆ เช่น:

• AI Specialist: นำการพัฒนาและการทำต้นแบบ (POC)
• Machine Learning Engineer: มีตำแหน่งงานเปิดมากกว่า 168 ตำแหน่ง
• AI Engineer: มีตำแหน่งงานเปิดมากกว่า 126 ตำแหน่ง

ปัจจุบันมีบริษัทและสตาร์ทอัพด้าน AI อย่างน้อย 17 แห่งในประเทศไทย ที่กำลังเติบโตและสร้างโอกาสการทำงานใหม่ๆ

ผลกระทบต่อการดูแลสุขภาพ

AI ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการดูแลสุขภาพ โดย การใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ทางคลินิก ประสบการณ์ผู้ป่วย และการดำเนินงานด้านการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลจริง

ความท้าทายและโอกาส

ความท้าทายหลัก:

1. การปรับตัวของแรงงาน: จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมทักษะใหม่
2. ความกังวลเรื่องความปลอดภัย: การจัดการข้อมูลและความเป็นส่วนตัว
3. ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี: ช่องว่างระหว่างองค์กรที่พร้อมและไม่พร้อม

โอกาสใหม่:

1. การสร้างงานใหม่: ตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะเฉพาะด้าน AI
2. การเพิ่มประสิทธิภาพ: ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
3. นวัตกรรมใหม่: การพัฒนาสินค้าและบริการที่ไม่เคยมีมาก่อน

มุมมองผู้เชี่ยวชาญ

ในปี 2025 แนวโน้มหนึ่งที่แน่นอนคือ AI จะยังคงขับเคลื่อนนวัตกรรมและปลดล็อกศักยภาพใหม่ๆ สำหรับบุคคลและองค์กรทั่วโลก

บทสรุป

ปี 2025 เป็นปีที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกการทำงาน ทั้งการสร้างโอกาสใหม่และการเป็นความท้าทายที่ต้องเผชิญ สำหรับประเทศไทย การที่เราเป็นผู้นำในการใช้ AI ถือเป็นจุดแข็งสำคัญ แต่ก็จำเป็นต้องเตรียมพร้อมด้านทักษะและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง

การเตรียมตัวของทั้งผู้ประกอบการและแรงงานจะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ที่ AI นำมาให้ พร้อมทั้งลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้